จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์

โกลเดน เป็นหมาขนาดกลาง ในกลุ่ม สปอร์ทติ้ง ด๊อก (Sporting Dog) ซึ่งเป็นกลุ่มหมาเพื่อใช้งานในกีฬาล่าสัตว์ กลุ่มเดียวกับ พอยต์เตอร์ (Pointer) เซทเตอร์(Setter) และ สแปเนียล (Spaniel)

โกลเดน รีทริฟเวอร์ ไม่ได้เป็นหมาสำอางที่ต้องการการเสริมแต่งเป็นประจำ ต้องการการดูแลรักษาน้อย เพียงแค่ อาบน้ำและแปรงขนอาทิตย์ละครั้งก็เป็นการเพียงพอแล้ว เป็นหมาที่ออกจะเซอๆ ลุยๆหน่อย มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และหล่อสวยแบบเป็นธรรมชาติ ออกจะแข็งแรง มีพลังงานสูง กระปี้กระเปร่า ฉลาดเฉลียวแต่ไม่เจ้าเล่ห์ สุขุม ชอบอยู่ร่วมกับคน รักเจ้าของ และชอบน้ำเป็นพิเศษ เวลาอาบน้ำคือความสุขของทั้งตัวเขาและเจ้าของ บางครั้งจะแอบไปนั่งแช่ในน้ำหรือในที่อื่นๆที่มีน้ำให้ลงไปทั้งตัวได้เช่นในอ่างบัวด้วยบ่อยๆ
โดยสัญชาติญาณแล้วโกลเดนจะชอบการเก็บสิ่งของมาให้ และการว่ายน้ำเป็นสิ่งที่โปรดปรานและเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง
ต้องเข้าใจความเป็นไปก่อนว่าโกลเด้นได้ถูกเพาะพันธุ์มาเพื่อจุดประสงค์ในการใช้งานในเกมการล่าสัตว์ดังนั้นจึงมีคุณลักษณะเฉพาะเช่น-
  • มีลักษณะของหัว ช่วงคอที่ไม่ยาวหรือสั้นเกินไปแต่ใหญ่รับกับกรามที่แข็งเเรง
  • การเรียงของฟันที่มีรูปแบบถูกต้องเป็นระเบียบ เพื่อการคาบเทยื่อที่หนักได้ โดยไม่มีการขย่ำลงไป
  • หูที่ไม่ใหญ่และยาวเกินไปปรกลงมาปิดหูพอดีเพื่อป้องกันรูหูขณะว่ายน้ำและไม่เกะกะขณะวิ่งผ่านป่าละเมาะ
  • มีช่วงไหล่ที่หนาสำหรับการว่ายน้ำที่ดี
  • ขนที่มี 2 ชั้น ที่ชั้นนอกจะหยาบกว่าและค่อนข้างยาวเพื่อป้องกันความหนาวเย็นจากการแช่น้ำและไม่เลอะง่าย เมื่อสะบัดความสกปรกที่ติดอยู่ที่เฉพาะขนชั้นนอกก็จะหลุดออกได้ง่าย
  • เท้าที่เป็นทรงกลมและแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักการกระโดดและวิ่งขณะคาบเหยื่ออยู่ได้ดีเป็นตัน


นิสัยของเจ้าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์เป็นสุนัขที่ชอบอยู่ใกล้ชิดกับคน เมื่อเจอคนแปลกหน้ามันมักจะกระดิกหางวิ่งเข้าไปต้อนรับด้วยท่าทางดีใจราวกับว่าได้พบ เพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน สุนัขพันธุ์นี้จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งที่คุณจะนำมาใช้เฝ้าบ้าน เพราะมันไม่มีลักษณะนิสัยที่ก้าวร้าวต่อคนแปลกหน้า แม้บางครั้งโกลเด้น รีทรีฟเวอร์จะเห่าเสียงดังเมื่อคนแปลกหน้าล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขต แต่ลักษณะการสะบัดหางด้วยท่าทีเป็นมิตร จะทำให้คนแปลกหน้าที่คุ้นเคยกับสุนัข มาก่อนทราบว่ามันเห่าด้วยความดีใจ มากกว่าที่จะเห่าไล่หรือตรงเข้าไปทำร้าย
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ชอบที่จะเป็นศูนย์กลางการเอาใจใส่จากเจ้าของ บาง ครั้งเมื่อเจ้าของสาละวนอยู่กับแก้วน้ำในมือ เจ้าโกลเด้นอาจจะใช้ปากพลิกแก้วน้ำ ให้น้ำหกรดจมูกของมันเพื่อให้เจ้าของหันมาสนใจที่ตัวมันมากกว่าที่แก้วน้ำ สุนัขพันธุ์นี้มักคิดว่าตัวเองเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าของ และคิดว่ามันเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เหมือนกัน เห็นได้จากการที่มันมักจะกระโดดขึ้นไปวางท่านั่ง หรือนอนบนเก้าอี้หรือโซฟา ด้วยทีท่าเหมือนกับคน พฤติกรรมเหล่านี้เป็นเสน่ห์พิเศษ ที่ทำให้เจ้าของหลงรัก และมองว่าเป็นความน่ารักเฉพาะตัวของเจ้าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ที่ไม่มีสุนัขพันธุ์ไหน ทำได้เหมือน
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ชอบใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน รักการผจญภัย และมีความอยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็กๆ มันชอบกระโดดไปตามที่ต่างๆ ยืดตัวขึ้นสูงเพื่อชะโงกดูว่ามีอะไรอยู่บนเคาน์เตอร์ หรือเดินพิสูจน์กลิ่น ไปตามสุมทุมพุ่มไม้รอบบ้าน และเป็นนักขุดที่ทำให้สนามเป็นหลุมเป็นบ่อไปทั่ว ทั้งนี้ก็เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวมันนั่นเอง
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์บางตัวมีพฤติกรรมที่คุณอาจจะเห็นว่าแปลกสักหน่อย คืองับแขนเจ้าของแล้วดึงไปข้างหน้า เพื่อพาเจ้าของไปยังที่ต่างๆ ที่มันอยากพาไปเพื่อให้เจ้าของได้มีส่วนร่วมในการผจญภัยของมันด้วย
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์เป็นสุนัขที่มีต้นกำเนิดมาเพื่อล่าสัตว์ที่อยู่ริมน้ำ ดังนั้นบุคลิก ที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของมันคือชอบลงไปในบริเวณที่มีน้ำขังอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ กระถางบัว บ่อปลา หรือแม้แต่ชามใส่น้ำของตัวมันเอง เรามักเห็นโกลเด้นเดินไป เพื่อเอาเท้าข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างวางลงในชามใส่น้ำพร้อมกับเลียน้ำขึ้นดื่ม และเมื่อเจ้าของดุเมื่อมันทำให้พื้นบ้านเปียกแฉะไปด้วยน้ำ มันก็มักจะทำทีท่าเหมือน กับว่าได้รับชัยชนะในการเล่นซน และไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ที่ได้ทำอย่างนั้น ในกรณีที่พื้นบ้านของคุณไม่เหมาะกับการเปียกน้ำตลอดวัน ขอแนะนำให้วางชามใส่น้ำไว้บนขาตั้งที่มันไม่สามารถแหย่เท้าลงไปได้ และควรมีกาละมังใส่น้ำไว้เมื่อคุณพร้อมที่จะอนุญาตให้เจ้าโกลเด้นเล่นน้ำตาม สัญชาติญาณที่มีมาตั้งแต่เกิด
ด้วยลักษณะนิสัยและความต้องการเช่นนี้ของโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สุนัขพันธุ์นี้ จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะอาศัยอยู่ในเมืองที่ไม่มีสนามหรือบ่อน้ำที่จะให้พวกมัน ออกกำลังกายได้



สิ่งที่โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ต้องการ
ถ้าจะถามว่าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ต้องการอะไรจากเจ้าของบ้าง คำตอบแรกก็คือความใส่ใจ เพราะเจ้าโกลเด้นเป็นสุนัขที่ต้องการความใส่ใจเป็นพิเศษจนถึงขนาดเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เจ้าของเลยทีเดียว แน่นอนว่าพวกมัน ต้องการที่จะออกไปวิ่งเล่นในสวนรอบๆ บ้าน แต่มันก็ต้องการให้เจ้าของออกไปเล่นกับมันด้วย และหากคุณเคยออกไปใช้ชีวิต กลางแจ้งร่วมกับมันละก็ เชื่อได้เลยว่ามันกำลัง เฝ้ารอการได้ออกไปใช้ชีวิต กลางแจ้งร่วมกันคุณอีกครั้ง

การเกาคางหรือลูบหลังลูบไหล่ เป็นสิ่งที่โกลเด้นต้องการเป็นลำดับถัดมา เพราะนั่นเป็นการสื่อภาษาทางร่างกายว่าคุณรักและเอาใจใส่พวกมันอยู่เสมอ และจะยิ่งทำให้พวกมันรักและบูชาคุณมากยิ่งขึ้น

การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ต้องการอย่างสม่ำเสมอ วิธีการออกกำลังที่เหมาะสมก็คือการพาเดิน การปล่อยให้วิ่ง หรือการโยนสิ่งของออกไปไกลๆ เพื่อให้ไปคาบกลับมา รวมทั้งการว่ายน้ำในกรณีที่มีแอ่งน้ำที่สะอาดและปลอดภัยด้วย (บางบ้านปล่อยให้ลงไปในสระว่ายน้ำด้วยค่ะ)

อาหารที่โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ขนาดโตเต็มวัยต้องการควรเป็นอาหาร ในระดับซุปเปอร์พรีเมี่ยมโดยให้เพียงวันละ 1 ครั้งในปริมาณที่เพียงพอ และในระหว่างวันอาจให้บิสกิตเสริมได้วันละ 2 ครั้ง

บริเวณสำหรับนอนเป็นอีกส่วนหนึ่งที่โกลเด้นต้องการ ผ้าปูรองนอนนุ่มๆ หาของเล่นส่วนตัวสักชิ้นสองชิ้นที่มันสามารถกัดแทะได้ เช่น กระดูกเทียม หรือลูกบอลยางวางไว้รอบตัวให้มันด้วย จะช่วยให้โกลเด้นมีที่สงบและปลอดภัยสำหรับ ช่วงเวลาที่พวกมันต้องการความเป็นส่วนตัวและต้องการพักผ่อน

สิ่งสุดท้ายที่เจ้าของสามารถตอบสนองความต้องการให้แก่โกลเด้นได้ก็คือการพาเจ้า โกลเด้นไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำเพื่อฉีดวัคซีนที่จำเป็น รวมทั้งเช็คร่างกาย ว่าปราศจากพยาธิ และโรคภัยต่างๆ

นอกจากนี้ เจ้าของยังสามารถช่วยดูแลเรื่องความสะอาดภายในใบหู ดูแลเรื่องเห็บและหมัด รวมทั้งตัดเล็บให้มันอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้วิ่งและกระโดดง่ายขึ้น หากคุณสามารถดูแลในสิ่งพื้นฐานที่โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ต้องการจากคุณได้แล้ว คุณอาจประหลาดใจก็ได้ว่า เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้สามารถสร้างความรัก ความผูกพันและความประทับใจให้กับคุณได้อย่างคาดไม่ถึงทีเดียว











เฟรนซ์ บูลด็อก

เฟรนช์ บูลด็อก 

        เป็นเรื่องขำขำที่ว่า ท่าไม้ตายของเจ้าหมาที่ชื่อ เฟรนช์ บูลด็อก นั้นเป็นหน้านิ่ง ๆ ที่ดูแล้วไม่รู้ว่าอารมณ์ไหน เพื่อที่จะหลอกล่อให้เราเข้าใกล้ เพราะหากเผลอสัมผัส ลูบไล้เจ้า เฟรนช์ บูลด็อก เมื่อใด รับรองได้ว่าคุณจะรู้สึกเหมือนโดนน็อกด้วยตาโต ๆ หน้าย่น ๆ หูกางคล้ายค้างคาวที่มองไปมองมากลับดูมีเสน่ห์ และสุดท้ายก็ตกเป็นทาสรักของเฟรนช์ บูลด็อกอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว


 ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธฺุ์เฟรนช์ บูลด็อก

          ฉลาด กล้าหาญ ร่าเริง ชอบเล่น ชอบออกกำลังกาย และตื่นตัวอยู่เสมอ เป็นมิตร เข้ากับคนและสัตว์อื่น ๆ ได้ดี เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขที่เห่าน้อย ไม่ทนต่ออากาศร้อน โดยเฉพาะตัวที่นำเข้าจากต่างประเทศ อาจจะยังปรับตัวไม่ได้ แต่สำหรับสุนัข เฟรนช์ บูลด็อก ที่เกิดในเมืองไทยจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสภาวะอากาศเท่าไรนัก 

 การเลี้ยงดูสุนัขพันธฺุ์เฟรนช์ บูลด็อก 

          ด้วยความที่เป็นสุนัขขนสั้น เฟรนช์ บูลด็อก จึงไม่ต้องการการดูแลมาก แต่เจ้าตูบจะผลัดขนในช่วงหน้าร้อน การออกกำลังกายทำได้ง่าย โดยพามันเดินเล่นรอบ ๆ บ้าน หรือโยนลูกบอลเล่นกับมัน นอกจากนี้ มันไม่ชอบการถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ผู้เลี้ยงต้องให้ความสำคัญ กับเรื่องระบบการหายใจของสุนัขด้วย  หายใจทางปากถี่ขึ้นจนผิดปกติ ควรรีบนำมันเข้าที่ร่มหรือห้องแอร์โดยเร็ว และหากมั่นใจว่ามันอาจจะเป็นฮีทสโตรก (ชักเนื่องจากความร้อน) ควรลดอุณหภูมิร่างกายของมันให้เร็วที่สุด เช่น เอาน้ำราด เอาน้ำแข็งไปโปะ แล้วพาไปหาหมอให้ฉีดยากันชักโดยเร็ว

          ส่วนเรื่องการกินข้าวของเจ้าหมาพันธุ์นี้ หากเจ้าของกินข้าวเวลาเดียวกันกับ เฟรนช์ บูลด็อก เห็นทีจะต้องทำใจในเรื่องมารยาทในการกินอาหารของมันหน่อยนะ เพราะ เฟรนช์ บูลด็อก จะกินข้าวด้วยเสียงจุ๊บจั๊บให้ได้ยินกันถ้วนหน้า เมื่ออิ่มแล้วมันก็จะมานอนบนตักของคุณและเริ่มผายลมออกมาเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งท้องไส้เริ่มหายปั่นป่วน มันก็จะนอนหงายท้องอย่างสบายใจ แล้วเริ่มกระบวนการกรนเสียงดังเพื่อให้คุณคลายเหงา 










แจ๊ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย

 แจ๊ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย

          เจ้าตูบตัวจ้อย ฉลาด น่ารัก แต่แอบซนสุด ๆ อย่างสุนัข พันธุ์แจ๊ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย (Jack Russell Terrier) กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพราะมันเหมาะสำหรับเลี้ยงในบ้านได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะแจ๊ค รัสเซลล์ เทอร์เรียข้ากันได้ดีกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ หรือ เจ้าของ ดังนั้น จึงเหมาะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา และด้วยบุคลิกอันกระฉับกระเฉงของมันจะทำให้คุณเพลินกับมันไปได้อย่างง่ายดาย


 ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์แจ๊ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย

          สุนัขพันธุ์นี้สามารถมีชีวิตได้นานถึง 14 ปี แจ๊ค รัสเซลล์ เทอร์เรียร์ เป็นนักล่าตัวเล็ก ๆ ที่ยอดเยี่ยม พวกมันเป็นสุนัขที่ฉลาด ซึ่งเห็นได้ชัดจากการที่เขาเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสนามแข่งขัน โดยในอดีต แจ๊ค รัสเซลล์ จะไล่ล่าไปตั้งแต่สุนัขจิ้งจอกจนถึงหนูตัวเล็ก ๆ พวกมันจะใช้เวลาในการสำรวจพื้นที่ก่อนจะทำการไล่ล่า เพื่อความแม่นยำ

          นอกจากนี้ สุนัข แจ๊ค รัสเซลล์ ยังเข้ากันได้ดีกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ เหมาะเป็นทั้งสุนัขที่เลี้ยงในบ้าน และก็สามารถพาออกไปนอกบ้านได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ด้วยธรรมชาติความอยากรู้อยากเห็นจนถึงขั้นซนของ แจ็ค รัสเซลล์ ทำให้ผู้เลี้ยงจำเป็นที่จะต้องให้เขาอยู่ในสถานที่ที่ซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดเป็นอย่างดี


 การเลี้ยงดูสุนัขพันธฺุ์แจ๊ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย

          ผู้เลี้ยงจำนวนมากมักมีความคิดว่า หากน้องหมาทานแต่อาหารเม็ด น้องหมาจะเกิดความเบื่อหน่าย ไม่ถูกปาก และไม่อยากทาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาหารที่เหมาะสมกับน้องหมาที่สุดก็คือ อาหารเม็ดสำเร็จรูปเหล่านี้นั่นเอง เนื่องจากอาหารเม็ดสำเร็จรูปจะมีการคำนวณปริมาณสารอาหารต่าง ๆ ที่น้องหมาควรได้รับต่อมื้อมาอย่างพอดี โดยผู้เลี้ยงควรให้น้องหมาทานอาหารตามสูตรและให้ในปริมาณที่เหมาะสมตามที่ระบุไว้ข้างถุง หรือข้างกล่องของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้น้องหมาของเราได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายและไม่มากหรือน้อยจนอาจกลายเป็นปัญหาสุขภาพตามมาภายหลัง

          แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรียร์ เป็นสุนัขที่ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำบ่อย และการอาบน้ำเพียงเดือนละครั้งก็เพียงพอต่อความต้องการของน้องหมาแล้ว เนื่องจากพวกมันไม่มีต่อมเหงื่อเหมือนกับคนเรา การอาบน้ำบ่อย ๆ อาจทำให้ผิวหนังของน้องหมาแห้ง แต่อาจเพิ่มจำนวนครั้งในการอาบน้ำได้ตามสมควร หากว่ามันออกไปเล่นจนสกปรกมากเกินไป

          แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรียร์ เป็นสุนัขที่มีลักษณะนิสัยกระฉับกระเฉง และตื่นตัวเป็นอย่างมาก จึงทำให้น้องหมามีความต้องการและชอบการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ แต่การพาน้องหมาไปออกกำลังกายนอกบ้าน หรือบริเวณพื้นที่สาธารณะนั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงลักษณะนิสัยของสุนัขสายพันธุ์ แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรียร์ เป็นพิเศษ เพราะพวกมันมีแนวโน้มที่จะวิ่งไล่กวดสุนัขหรือสัตว์อื่น ๆ ที่พบเห็นได้โดยง่าย ผู้เลี้ยงจึงควรใส่สายจูงให้มันทุกครั้งเมื่อพามันออกไปเดินเล่นหรือออกกำลังกาย 








บีเกิ้ล

บีเกิ้ล


          ในระยะนี้เรามักได้เห็นความน่ารักของเจ้าตูบพันธุ์บีเกิ้ลผ่านสื่ออยู่บ่อย ๆ จนทำให้หลายคนตกหลุมรักเจ้าตูบพันธุ์นี้ซะจนอยากได้มาเป็นเลี้ยงสักตัว ก็เพราะเจ้าบีเกิ้ลเป็นน้องหมาที่มีใบหน้าน่ารัก หูปรก ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน แถมยังเป็นสุนัขที่รักเด็ก เข้ากับคนง่ายและเข้ากันได้ดีกับสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ด้วยนะ แถมมันยังติดอันดับหนึ่งในสิบสุนัขที่มีความนิยมมากว่า 30 ปี และเป็นอีกหนึ่งพันธุ์ที่นิยมในอเมริกา ใน U.K.C. ของสหรัฐอเมริกา 

 ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล 

          บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่สุภาพ พวกมันค่อนข้างเป็นมิตร ไม่ดุร้ายเกินไปหรือเฉื่อยชาเกินไป ชอบอยู่กันเป็นกลุ่ม แต่มันก็เชื่องคนง่ายเกินจึงไม่เหมาะที่จะเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน ทว่ามันยังคงเห่าหรือหอนบ้าง เมื่อเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้า

          นอกจากนี้ บีเกิ้ลยังเป็นสุนัขที่เหมาะกับเด็ก ๆ เข้ากับเด็กๆ ในบ้านดี ๆ ไม่พบประวัติการทำร้ายเด็ก บีเกิ้ลจึงเป็นสุนัขที่นิยมเลี้ยงกันในครอบครัว และบีเกิ้ลยังเข้ากับสุนัขสายพันธุ์อื่นได้ง่าย พวกมันแข็งแรงมาก จึงวิ่งเล่นได้นานโดยที่ไม่เหนื่อยง่ายๆ อย่างไรก็ตาม โดยธรรมชาติพวกมันเป็นสุนัขที่อยู่เป็นฝูง เวลานำไปเลี้ยงเดี่ยวจึงอาจเกิดอาการซึมเศร้าได้ และแม้ว่าบีเกิ้ลจะมีพลังเห่าหอนอันรุนแรง แต่ไม่ใช่บีเกิ้ลทุกตัวที่จะหอน แต่ส่วนมากจะเห่าเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งบางตัวจะเห่าหรือหอน เมื่อรับรู้ถึงกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งโดยเฉพาะ


 การเลี้ยงดูสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล 

          แม้ว่าสุนัขสายพันธุ์นี้จะมีขนาดเล็ก แต่ด้วยเหตุที่จุดประสงค์ดั้งเดิมที่เค้าถูกพัฒนาขึ้นมาคือการเป็นสุนัข สำหรับล่าสัตว์ ทำให้พวกเค้ามีพลังงานในตัวมากและชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง ผู้เลี้ยงจึงควรพาไปออกกำลังกายบ้างอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น และหากคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่มีบริเวณกว้างขวางนัก อย่างเช่น คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนต์ คุณก็จะต้องพิจารณาให้ดีว่าคุณพอมีเวลาและมีสวนสาธารณะใกล้เคียงที่คุณสามารถพาเค้าไปเดินเล่นออกกำลังได้หรือไม่ อย่างไรก็ดี สุนัขเหล่านี้ต้องอยู่ในบริเวณที่มีรั้วรอบขอบชิด เพราะพวกมันช่างไม่มีสัญชาตญาณในการระวังภัยบนท้องถนนเอาเสียเลยและมักมีความเข้าใจอย่างผิด ๆ ว่ารถทุกคันจะหยุดรอให้พวกมันไปก่อน

          ด้านการดูแลทำความสะอาดให้สุนัขขนสั้นอย่างบีเกิ้ลนั้นแสนง่าย แค่อาบน้ำให้อาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอ จากนั้นก็เช็ดหรือเป่าตัวให้แห้งพร้อมๆ กับแปรงขนไปด้วย หรือถ้าไม่สกปรกมากอาจใช้แค่ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดตัวให้ก็ได้ ส่วนเรื่องการแปรงขนให้บีเกิ้ลสามารถทำได้โดยง่าย เนื่องจากว่าเค้ามีขนสั้นและสีเข้ม ซึ่งควรแปรงขนทุกๆ 3-4 วัน เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้วออกไปและช่วยเพิ่มความเงางามแข็งแรงแก่เส้นขน

          ส่วนเรื่องอาหารการกิน หากเราต้องการให้เค้ามีสุขภาพแข็งแรง เติบโตสมวัย ก็ต้องใส่ใจเรื่องนี้ให้มาก ซึ่งวิธีการให้อาหารแก่บีเกิ้ลที่ถูกต้องก็จะเป็นไปตามช่วงวัยนั่นเอง








ปักกิ่ง

ปักกิ่ง

          ปักกิ่ง เป็นสุนัขขนาดเล็กที่น่าสนใจสายพันธุ์หนึ่ง พวกมันมีบุคลิกลักษณะผสมกันระหว่างความน่ารักประหลาด ๆ มีหน้าตาสั้น ๆ แบน ๆ จมูกทู่ ๆ ตากลมโต และยังขึ้นชื่อในเรื่องความทรนง เคยได้รับฉายา "ราชาแห่งสุนัข" ด้วยแหนะ สำหรับในประเทศไทยเรา สุนัขพันธุ์ปักกิ่งเคยเป็นสุนัขที่ฮอตฮิตอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ลดความนิยมลง เพราะสายพันธุ์แท้ ๆ ในปัจจุบันเริ่มหายาก  การเลี้ยงดูค่อนข้างลำบาก และอากาศในบ้านเรา เป็นศัตรูตัวฉกาจของปักกิ่ง แต่ก็ยังคงผู้คนจำนวนไม่น้อยที่หลงใหลในเสน่ห์ของสุนัขพันธุ์นี้


 ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง

          ถึงแม้จะเคยเป็นสุนัขที่ได้รับการดูแลอย่างดีอยู่ในวัง แต่สุนัขพันธุ์ปักกิ่งก็มีนิสัยกล้าหาญเกินตัว ไม่เกรงกลัวอะไรง่าย ๆ แม้จะเป็นสุนัขตัวเล็ก ๆ พวกมันไม่เคยมีประวัติเรื่องวิ่งหนีหางจุกตูด ทั้งยังเป็นสายพันธุ์ที่แข็งแรง ทรหดอดทน ฉะนั้น จึงทำหน้าที่เฝ้าบ้านได้เป็นอย่างดี และที่เด่นชัดเป็นที่สุด ก็คือความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ประจบประแจง ไม่เจ้าเล่ห์ และเลี้ยงง่าย ทั้งยังรักและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของอย่างยิ่งด้วย

          นอกจากนี้ สุนัขพันธุ์ปักกิ่งยังสุภาพ เป็นมิตร รักสนุกและชอบเล่น แม้ว่าในบางอารมณ์สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง จะดื้อดึงไปบ้าง แต่นั่นก็เพราะความเป็นตัวของตัวเอง รักอิสระ ไม่ชอบให้ใครบังคับ อันเป็นนิสัยที่มีอยู่ในสายเลือด จนบางครั้งอาจดูเหมือนดื้อ เอาแต่ใจ หากแต่ก็ไม่ดื้อจนไม่เชื่อฟัง ถ้าได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่ดี และได้รับความรักมากพอ สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ก็น่ารักไม่ต่างไปจากเพื่อนตูบสายพันธุ์อื่น ๆ เลยสักนิด

          อย่างไรก็ดี สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ไม่ค่อยชอบเด็กและเข้ากับสุนัขตัวอื่นได้ยาก แต่หากเจ้าของเลี้ยงให้โตมาด้วยกันตั้งแต่ยังเล็ก ก็ไม่ยากเกินไปนักที่ สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง จะทำใจยอมรับกับการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับเพื่อนต่างสายพันธุ์


 การเลี้ยงดูสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง

          ขนยาว ๆ หนา ๆ ของปักกิ่ง จำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่ดูแลอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ผู้เลี้ยงควรแปรงขนและทำความสะอาดขนให้ปักกิ่งเป็นประจำ และยังต้องหมั่นทำความสะอาดบริเวณตา หู ตัดเล็บนิ้วเท้าให้สั้นอยู่เสมอ นอกจากนั้น ควรจูงสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง เดินออกกำลังกายสม่ำเสมอในระยะทางที่ไม่ไกลนัก

          และด้วยจมูกสั้นแบน แถมยังจมลึกอยู่ระหว่างตาทั้งสองข้าง จึงทำให้ระบบการหายใจของปักกิ่ง เป็นไปอย่างลำบาก น้องหมาพันธุ์นี้จะไม่สามารถทนต่อสภาพภูมิอากาศที่ร้อนชื้นได้ดีเท่าใดนัก ฉะนั้น สุนัขพันธุ์ปักกิ่งจึงไม่เหมาะที่จะเลี้ยงนอกบ้าน หากเปิดแอร์ให้บ้างก็จะดีไม่น้อย อย่างไรก็ตาม  สถานที่เลี้ยง สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ต้องเป็นสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกด้วย  








ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย

ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย

          หากพูดถึงสุนัขโนเนมแห่งท้องทุ่งและเหมืองถ่านหินอ้างว้างห่างไกลเมืองยอร์คเชียร์ ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ มีชีวิตประจำวันเป็นสุนัขใช้งาน รับหน้าที่ในการตามล่าและไล่จับเจ้าหนูตัวร้ายจอมป่วน... แต่มาวันนี้ หากลองพิมพ์ชื่อของเจ้าตูบแสนซนนี้ลงในอินเทอร์เน็ต คงมีเรื่องราวมากมายปรากฎขึ้นให้อ่านกันไม่หวาดไม่ไหว หลายคนคงนึกออกแล้วใช่ไหมล่ะว่า เรากำลังพูดถึงเจ้าสุนัขตัวน้อยขนยาวสายพันธุ์ ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย (Yorkshire Terrier) หรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า "ยอร์คกี้" นั่นเอง


 ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย

          ยอร์คเชียร์ เป็นสุนัขตัวเล็กที่เปี่ยมด้วยพลัง ชอบเล่น และอยากรู้ อยากเห็น นอกจากนั้น ยังชอบผจญภัย รักอิสระ และไม่ค่อยรู้จักความกลัว ด้วยความเป็นสุนัขที่มีนิสัยกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวใคร ทำให้ยอร์คเชียร์มักไม่สนใจว่าตัวเองนั้นตัวเล็กกระจิดริดแค่ไหน เมื่อเจอคนแปลกหน้า ยอร์คเชียร์จึงพร้อมที่จะเห่าเตือนเจ้าของเสมอ

          สุนัข ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย เหมาะกับคนทุกช่วงอายุ และเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีสำหรับคนโสดหรือผู้ไม่มีบุตร หากบ้านใดมีเด็กเล็กอยู่ในครอบครัว ควรสอนเด็กให้รู้จักวิธีปฏิบัติตัวและวิธีเล่นกับ ยอร์คเชียร์ เพราะหากเด็กเล่นกับมันแรง ๆ ก็อาจทำให้มันบาดเจ็บได้ง่าย เพราะมันตัวเล็กและบอบบาง บางทีอาจอันตรายถึงชีวิต หรือหาก ยอร์คเชียร์ ถูกเด็กแกล้งเป็นประจำ ก็จะทำให้นิสัยของมันเปลี่ยนเป็นก้าวร้าว โมโหง่าย หรืออาจถึงขั้นกัดคน หากพ่อแม่รู้จักสอนลูก ๆ ให้ปฏิบัติตัวต่อยอร์คเชียร์อย่างดีแล้ว มันก็จะเป็นสัตว์เลี้ยงของครอบครัวที่ดีได้เช่นกัน


 การเลี้ยงดูสุนัขพันธฺุ์ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย 

          การอาบน้ำให้สุนัขยอร์คเชียร์ อาจทำแค่ 1 ครั้งต่อเดือน ก็เพียงพอ การอาบน้ำควรทำในสถานที่ที่อากาศอบอุ่น ก่อนอื่นต้องใช้สำลีอุดหูทั้งสองข้างเพื่อกันน้ำเข้าหู จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งรองบริเวณอกของเขาเพื่อจับให้มันยืนขึ้น (หากเป็นไปได้ ควรหาผ้ารองกันลื่นมาวางรองพื้นเพื่อไม่ให้ขาของมันลื่นไถลไปมาเวลาที่คุณจับมันยืน) เปิดน้ำจากฝักบัวอย่าให้แรงมากนัก ค่อย ๆ รดตัวมันให้เปียกจนทั่ว ชโลมแชมพูให้ทั่วตัวและถูเบา ๆ ล้างทำความสะอาดบริเวณศีรษะและใบหน้าเป็นอันดับสุดท้าย

          ทั้งนี้ ต้องระวังอย่าให้แชมพูเข้าปากและตาของเจ้ายอร์คกี้ จากนั้นล้างแชมพูออกด้วยน้ำสะอาด แล้วเช็ดด้วยผ้าขนหนู ก่อนจะนำไปเป่าขนให้แห้งด้วยไดร์เป่าที่ใช้ความร้อนพอเหมาะ เสร็จแล้วจึงใช้แปรงหวีขนเบา ๆ ซึ่งการแแปรงขนให้ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย เป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันสำหรับสุนัขพันธุ์นี้

          ส่วนเรื่องอาหารการกินของสุนัขยอร์คเชียร์ ควรจะเป็นอาหารเม็ดจะดีที่สุด เพราะมีความสะดวกในการเก็บรักษา ในลูกสุนัขควรเลือกอาหารสูตรลูกสุนัข ซึ่งมีปริมาณโปรตีนสูง แต่สำหรับยอร์คกี้ ที่โตแล้ว อาจเลือกอาหารที่มีปริมาณโปรตีนเป็นส่วนประกอบขั้นต่ำ ประมาณร้อยละ 20 ก็เพียงพอ และอาจผสมอาหารเปียกลงไปในอาหารเม็ดเพื่อเพิ่มความน่ากินเป็นบางครั้งก็ได้ 








ชิวาวา

 ชิวาวา


        จะเห็นได้ว่าเซเลบฯในฮอลลี้วู้ดหลายคนชอบหิ้วเจ้ามะหมาตัวเล็กกระจิ๊ดริดไว้ในกระเป๋าข้างกาย เจ้ามะหมาที่ว่านั่นจะเป็นพันธุ์ใดไม่ได้เลย หากไม่ใช่พันธุ์ชิวาวา ซึ่งจัดได้ว่าเป็นสุนัขพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก และในปัจจุบันสุนัขพันธุ์ชิวาวากำลังเป็นที่นิยมกันมากของเหล่าผู้ที่รักสุนัข เพราะด้วยขนาดตัวของมันและอุปนิสัยที่ขี้เล่น น่ารัก ผู้คนส่วนใหญ่จึงนิยมนำเจ้าชิวาวามาเลี้ยงนั่นเอง


ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ชิวาวา

        หลาย ๆ คนลงความเห็นว่า สุนัข ชิวาวา มีนิสัยที่ค่อนข้างติดเจ้าของและไม่ทำลายข้าว ขี้ประจบมาก อ้อน บางครั้งก็เป็น สุนัข ที่หยิ่งในตัว ถ้าไม่ใช่เจ้าของจะไม่ให้จับต้อง ปากเปราะเห่าเสียงดังเหมือน สุนัข พันธุ์เล็กตัวอื่น ๆ ทำให้ สุนัข ชิวาวา เหมาะที่จะเลี้ยงไว้สำหรับเป็นเพื่อนมากกว่าหมาเฝ้าบ้าน แต่จากการสำรวจของเดลิเมล์ พบว่า ชิวาวา สามารถสร้างความเสียหายให้เจ้าของได้เฉียด 40,000 บาท ตลอดช่วงอายุขัยของมัน เรียกได้ว่า เป็นรองแค่สุนัขพันธุ์เกรทเดนที่สร้างความเสียหายให้ทรัพย์สินและที่อยู่อาศัยของเจ้าของเฉลี่ย 41,540 บาท โดยอาจอ้างได้ว่าเป็นเพราะขนาดตัวของสุนัขพันธุ์นี้มีขนาดใหญ่

การเลี้ยงดูสุนัขพันธฺุ์ชิวาวา

          สุนัขพันธุ์ชิวาวาเพศผู้อายุ 1 ปี จะเริ่มเป็นสัดซึ่งเร็วกว่าเพศเมีย เริ่มเหล่หนุ่มตอนช่วงอายุ 18 เดือน หลังจากผสมพันธุ์แล้วตกลูกเต็มที่ 1-3 ตัว น้ำหนักตั้งท้องจะมีขนาด 2 กิโลกว่า ลูกสุนัข มีน้ำหนัก 1 ขีด ไม่เกิน 2 ขีด มีขนาดเล็กมาก แรกเพิ่งคลอดต้องคอยดูแลให้ สุนัข กินนมแม่ ซึ่งช่วงนี้ควรระวังเรื่องโรคต่าง ๆ

          พออายุราวเดือนครึ่ง ควรเริ่มฝึกให้ สุนัข ชิวาวา กินอาหารเม็ดด้วยการแช่น้ำให้นิ่ม หรือผสมนมแพะเล็กน้อย หรือให้ อาหารเหลวสำหรับ ลูกสุนัข เป็นการฝึกให้สุนัขเลียหรือกินอาหารได้เอง












ปั๊ก

 ปั๊ก


          ในปัจจุบัน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักสุนัขสายพันธุ์ปั๊กเป็นแน่ เนื่องด้วยกระแสความนิยมในสุนัขสายพันธุ์นี้ที่เริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะด้วยอุปนิสัยน่ารักน่าเลี้ยงก็ดี หรือจะด้วยรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ ชวนให้หัวเราะแล้วอารมณ์ดีทุกคราที่มองปั๊กน้อย สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่ทำให้คนไทยหันมาเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้มากขึ้นตามลำดับ

          ด้วยความร่าเริงที่ไม่เหมือนใคร หน้าตาแลดูฉงนปนทะเล้น และอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา ทำให้ปั๊กไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยเท่านั้น หากแต่ยังแพร่หลายมากขึ้นทั่วโลกอีกด้วย

 ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ปั๊ก

           สุนัขพันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยงกัน มากในปัจจุบัน เนื่องจากมีนิสัยน่ารัก ถึงหน้าตาของเขาจะดูเหมือนคิดมากไปสักหน่อย แต่ถ้าได้ลองเลี้ยงแล้วจะหลงใหลไม่รู้ตัว เพราะความอ่อนโยนของมัน ข้อควรระวังในการเลี้ยงคือสภาพอากาศที่ร้อน ปั๊กจะทนไม่ค่อยได้ ถ้าทนไม่ไหวอาจเป็นลมแดดได้ และถ้าอากาศเย็นควรให้อยู่ในที่อุ่น ๆ หรือหาเสื้อมาสวมให้เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหวัด

 การเลี้ยงดูสุนัขพันธฺุ์ปั๊ก
         แม้สุนัขพันธุ์นี้จะไม่ต้องการการ ดูแลเสริมสวยให้ยุ่งยากมากนัก แต่ก็จำเป็นต้องได้รับการรักษาความสะอาดทุกวัน อีกทั้งการดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของการออกกำลังกาย ก็เป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้ปั๊กจะไม่ใช่สุนัขที่รักกีฬา แต่การพาเขาไปออกกำลังกายให้พอเพียง ก็จะช่วยให้เขาไม่อ้วนและกลายเป็นสุนัขที่เฉื่อยชาจนเกินไป

         เนื่องจากรูปทรงของตาและใบหน้าทำให้สุนัขสายพันธุ์นี้มีแนวโน้มที่จะเกิดการบาดเจ็บที่ตาได้ง่าย ถ้าปั๊กของคุณกำลังถูตาอยู่ กระพริบตาถี่ ๆ มีน้ำตาไหลมากเกิน หรือตามีการเปลี่ยนสีไป ควรปรึกษาสัตวแพทย์ของคุณโดยทันที และการที่เป็นสุนัขจมูกสั้น เขาจึงมักมีปัญหาเกี่ยวกับเพดานปากอ่อน จึงจำเป็นต้องตรวจสอบอยู่เสมอ

          นอกจากนี้ ปั๊กยังมีความเสี่ยงที่จะอ้วนได้ง่าย ดังนั้น การควบคุมปริมาณอาหารและการออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งจำเป็น โครงสร้างกะโหลกศีรษะที่สั้น ส่งผลให้ปั๊ก มักมีปัญหาระบบทางเดินหายใจส่วนต้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือภายหลังการออกกำลังกายอย่าง หนัก จึงควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่มากเกินไป และการเลี้ยงดูในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูง











พุดเดิ้ล

 พุดเดิ้ล

          สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลได้ชื่อว่าเป็นสุนัขที่มีความนิยมอันดับหนึ่งของโลกและขึ้นชื่อว่าฉลาด ฝึกง่าย สอนง่าย ขี้อ้อน และประจบเก่งเป็นที่สุด แถมยังอดทนไม่ขี้แย เลี้ยงง่าย แม้จะปากเปราะไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นหมาที่เห่าไม่รู้เรื่อง ยิ่งในบ้านเรา พุดเดิ้ลสายพันธุ์นิยมเลี้ยงกันคือ พุดเดิ้ลทอย มันกลายเป็นหวานใจตัวจ้อยของหลาย ๆ ครอบครัว เพราะขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แถมยังมีลักษณะเป็นเหมือนเหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต สดใสมีชีวิตชีวา มีนิสัยรักสวยรักงาม ชอบเสริมสวย ชอบเที่ยว และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้เร็ว


 ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล

          พุดเดิ้ล ถูกจัดอยู่กลุ่ม สุนัข ที่ไม่ใช้ในเกมกีฬา (Non sporting Group) เป็นสุนัขประเภทสวยงาม ปากเรียวยาว ดวงตากลมโต หูห้อยลงมาปิดแก้ม ขนดกและหยิกชนิดติดหนัง ขนสั้นและเงางาม ขนค่อนข้างละเอียด เรียบ หยาบเล็กน้อยและไม่มีขนปุกปุย สีขนมีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลแก่ มีขนสีขาวแต้มบริเวณหน้าอกเรียกว่า สตาร์ ข้อเท้า และปลายหาง อาจจะมีจุดสีขาวเล็กน้อยบริเวณใบหน้า จมูกจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อมันตกใจ

 การเลี้ยงดูสุนัขพันธฺุ์พุดเดิ้ล

          อาหารการกินของสุนัขพุดเดิ้ล ควรให้เป็นอาหารสำเร็จรูปจะดีที่สุด อาหารสำเร็จรูปนั้นมีอยู่หลายสูตรด้วยกัน ได้แก่ อาหารสูตรลูกสุนัข อาหารสูตรสุนัขโต และอาหารสูตรสุนัขแก่ การให้อาหารก็ควรให้ตรงตามอายุและสูตร เนื่องจากสุนัขในแต่ละวัยนั้นมีความต้องการอาหารที่แตกต่างกัน อย่างเช่น ลูกสุนัข จำเป็นต้องได้รับสารอาหารจำพวกโปรตีนสูงกว่าสุนัขโต ในขณะที่ร่างกายของสุนัขโตจะต้องการอาหารประเภทพลังงานมากกว่าโปรตีน อย่างนี้เป็นต้น และปริมาณการให้อาหารก็ไม่ควรมากจนเกินไป เพราะพุดเดิ้ล จัดเป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่กินไม่มาก

          นอกจากเรื่องของโภชนาการแล้ว การให้อาหารสุนัขยังควรคำนึงถึงความสะอาดเป็นสำคัญ เจ้าของต้องคอยหมั่นดูแลภาชนะใส่อาหารและสถานที่กินให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคต่าง ๆ ที่พร้อมจะทำร้ายสุนัขของเรา ส่วนในด้านการดูแลความสะอาดของพุดเดิ้ลจะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องหู เพราะพุดเดิ้ลมีใบหูที่ใหญ่ หนา ห้อยปรกลงมา จึงต้องหมั่นสำรวจดูใบหูบ่อย ๆ แล้วใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดให้หมดจด ซึ่งจะดีมากหากจะหยอดน้ำยาเช็ดหูเข้าไปก่อนประมาณ 5 นาที เพื่อทำให้สิ่งสกปรกอ่อนตัว และง่ายในการเช็ดออกมา แต่ระวังอย่าแหย่สำลีลึกจนเกินไป เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อหูชั้นในได้

          นอกจากนี้ ตาก็เป็นอวัยวะสำคัญที่พบปัญหา พูเดิ้ลส่วนใหญ่จะมีร่องน้ำตาที่เห็นได้ค่อนข้างชัด ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้คราบน้ำตาหรือสิ่งสกปรกไปหมักหมมได้ง่าย เจ้าของจึงควรคอยเช็ดทำความสะอาดให้ทุกวัน เพราะหากทิ้งไว้นาน ๆ คราบนั้นจะฝังแน่นอย่างถาวร เช็ดไม่ออก นอกจากนั้น ยังควรหมั่นตรวจดูดวงตาของพูเดิ้ลด้วยว่ามีฝ้าขาว ๆ หรือรอยขีดข่วน รอยแผลบ้างหรือไม่









ชิสุ

1. ชิสุ

           อาจเป็นเพราะภาพลักษณ์หมาน้อยตากลมโต  ผูกโบว์ที่หน้าผาก มีขนยาวสวย ดูสง่างาม ขนาดพอเหมาะ พาไปไหนมาไหนได้ไม่ลำบาก แถมยังนิสัยเป็นมิตร ขี้เล่น และช่างประจบ เลยทำให้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยหลงใหลได้ปลื้มเจ้าสุนัขพันธุ์ "ชิสุ" และเลี้ยงเป็นสมาชิกสี่ขาประจำครอบครัวกันอย่างแพร่หลาย แต่รู้ไหมว่าประวัติความเป็นมาของ สุนัข ชิสุ น่ะ เป็น ถึง 1 ใน 3 สุนัข ชั้นสูงจากจักรพรรดิจีนเชียวนะ 


 ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ชิสุ

           ชิสุ เป็น สุนัข ขนาดเล็กในกลุ่มทอย (Toy Group) มีน้ำหนักประมาณ 4.5 - 7.5 กิโลกรัม (หรือราว 10 - 16 ปอนด์) ส่วนสูงประมาณ 25 - 27 ซม. (หรือราว 10 - 11 นิ้ว) 

           ทั้งนี้ ชิสุ มีลักษณะนิสัย กล้าหาญ มีความตื่นตัว ขี้ประจบ มีความสง่าอยู่ในตัว เดินหน้าเชิด การย่างก้าวสง่าผ่าเผย นอกจากนี้ ชิสุ ยังรักความสะอาด เป็นมิตรกับทุกคน ปรับตัวได้ดี และชอบที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ กับเจ้าของในทุกเรื่อง แล้วก็ไม่ชอบถูกทิ้งไว้ในบ้าน ชิสุชอบวิ่งและรักความสนุกซึ่งเจ้าของจำเป็นจะต้องพามันออกไปวิ่งออกกำลังกายบ้าง

 การเลี้ยงดูสุนัขพันธุ์ชิสุ

           ชิสุมีอายุค่อนข้างยืนยาว คือประมาณ 10-18 ปี ตามแต่ปัจจัยต่าง ๆ เช่น อาหาร และการเลี้ยงดู โรคที่มักเกิดขึ้นกับชิสุ คือโรคตาแห้ง โรคหูน้ำหนวก หูอักเสบ โดยเจ้าของควรหมั่นทำความสะอาดตาและหูของชิสุ อย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของมันโดยเฉพาะ ส่วนโรคอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับชิสุ ได้ เช่น โรคนิ่ว โรคไต และไส้เลื่อน
         
           นอกจากนี้ ขนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดความสวยงามของชิสุ โดยเฉพาะ ชิสุเป็นสุนัขขนยาวที่จะต้องดูแลมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีขนเส้นเล็กและพันกันได้ง่าย หากไม่รู้จักวิธีการรักษาขนให้ดี ขนของชิสุจะพันกันและมีโอกาสเป็นโรคผิวหนังได้ง่าย ๆ ทั้งนี้ การแปรงขนอย่างสม่ำเสมอทุกวันจะช่วยให้ผิวหนังและขนสะอาดของชิสุเป็นเงางาม เพราะมีการนวดให้ต่อมน้ำมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นผมได้มากขึ้น ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพสมบูรณ์ และยังเป็นการช่วยขจัดรังแคและสิ่งสกปรกอื่นออกจากผิวหนังของชิสุด้วย

           อาหารที่เหมาะกับเจ้าชิสุสุดสวย ควรเป็นอาหารเม็ดมากกว่าอาหารกระป๋อง เพราะสุนัขมีขนยาว หากให้กินอาหารกระป๋องจะทำให้เลอะหนวดเครา เหม็นคาว ทำให้ต้องทำความสะอาดกันทุกครั้งไป และหากล้างออกไม่หมดก็จะกลายเป็นที่สะสมของเชื้อโรค อีกทั้งถ้าให้อาหารกระป๋องต้องใช้ให้หมดในคราวเดียว ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงต่อสุขภาพของชิสุของคุณได้ ดังนั้น ทางเลือกที่เหมาะที่สุดเห็นจะเป็นอาหารเม็ด ทั้งนี้ การเลือกซื้อควรเลือกประเภทสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก  โดยเลือกดูให้เหมาะกับช่วงวัยของชิสุด้วย เช่น ถ้าเป็นอาหารลูกสุนัขข้างถุงจะพิมพ์ไว้ว่า Puppy มีโปรตีนมากกว่า เม็ดจะเล็กกว่า และจะแพงกว่าอาหารสุนัขโตนิดหน่อย
















วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เมเรเนีย

 ปอมเมอเรเนียน

    ปอมเมอเรเนียน เป็น สุนัข ที่ชอบเอาใจใส่กับสิ่งภายนอก เฉลียวฉลาด เหมาะสำหรับเลี้ยงเป็นเพื่อนพอๆ กับเลี้ยงเพื่อการแข่งขัน ชื่อของ ปอมเมอเรเนียน มาจาก Pomeranian ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศโปแลนด์และประเทศเยอรมันตะวันออก เหนือแถบทะเลบอลติก โดยแต่เดิมนั้น ปอมเมอเรเนียน เป็น สุนัข พันธุ์ใหญ่ที่ใช้ลากเลื่อนและเฝ้าฝูงแกะ มีรายงานว่า ปอมเมอเรเนียน ที่ถูกนำเข้ามาในอังกฤษตัวแรกมีน้ำหนักถึง 30 ปอนด์ แต่ต่อมาได้มีผู้ผสมพันธุ์ ปอมเมอเรเนียน ให้มีขนาดเล็กลงเพื่อเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนคู่ใจแทนการใช้งาน

          ทั้งนี้ ปอมเมอเรเนียน เริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เมื่อสมเด็จพระราชินี วิคเตอเรีย แห่งอังกฤษ ทรงไปพบ สุนัข พันธุ์นี้และนำกลับมาเลี้ยงในพระราชวังด้วย ซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่าควีนวิคตอเรียทรงโปรด สุนัข ปอมเมอเรเนียน มาก แม้กระทั่งวันที่สิ้นพระชนม์ยังทรงให้เอาเจ้า Turi สุนัข ปอมเมอเรเนียน ตัวโปรดมาไว้ข้างพระแท่นบรรทม และเจ้า Turi นี้ก็ได้นอนเฝ้าอยู่จนควีนสิ้นพระชนม์ จึงทำให้พระองค์ได้รับการยกย่องว่าทรงเป็นผู้ที่ทำให้สาธารณชนรู้จักและนิยมเลี้ยง ปอมเมอเรเนียน ตัวเล็ก

          อย่างไรก็ตาม ปอมเมอเรเนียน ที่ถูกพัฒนาจนเล็กลงอย่างที่นิยมเลี้ยงกันอยู่ในปัจจุบัน เป็นผลงานการพัฒนาของนักผสมพันธุ์ สุนัข ชาวอเมริกา จึงไม่น่าแปลกใจที่ ปอมเมอเรเนียน สายพันธุ์จากอเมริกาได้รับการยอมรับให้เป็นสายพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด 

ลักษณะสายพันธุ์ สุนัข ปอมเมอเรเนียน

          ปอมเมอเรเนียน เป็น สุนัข ที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 4-6 ปอนด์ หรือราว 1.7-2.5 กิโลกรัม ถ้านำหนักน้อยหรือมากกว่านี้ จะถือว่าไม่ได้มาตรฐานสายพันธุ์  เป็น สุนัข ที่ว่องไวปราดเปรียว มีขนชั้นในที่แน่นและนุ่ม และมีขนชั้นนอกที่หยาบกว่าชั้นใน หางสวยงามเป็นพวงขน และตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูง หางจะขนานไปกับหลัง โดยลักษณะนิสัยพื้นฐานของ ปอมเมอเรเนียน นี้ คือ จะตื่นตัวเสมอ เห่าเก่ง  มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น อวดดี สง่างาม และขณะก้าวย่างแสดงถึงความมีชีวิตชีวา เป็นพันธุ์สมบูรณ์ทั้งรูปร่างและการเคลื่อนไหว

          ศีรษะ 
          ศีรษะจะสมดุลได้สัดส่วนกับลำตัว จมูกยาวเล็กน้อย ตรง มองเห็นชัดเจน ปลายจมูกเชิดเป็นอิสระจากริมฝีปาก การแสดงออกของใบหน้าจะสดใส ร่าเริง คล้ายใบหน้า สุนัข จิ้งจอก หรืออีกนัยหนึ่งคือใบหน้าที่ฉลาดแกมโกง เจ้าเล่ห์ กะโหลกจะปิดสนิท ด้านบนสุดของกะโหลกจะกลมเล็กน้อย แต่ไม่เป็นรูปโดมซะทีเดียว เมื่อมองจากด้านหน้าและด้านข้าง จะเห็นใบหูที่ค่อนข้างเล็ก เชิดสูงและตั้งตรงเสมอ เมื่อลากเส้นผ่านปลายจมูกไปยังตรงกลางตาไปยังปลายหูจะได้เส้นตรง นัยน์ตาเป็นสีดำ แววตาสดใสรูปร่างอัลมอนด์ ขนาดปานกลางตั้งอยู่ในตำแหน่งตัวกับกะโหลก นัยน์ตาค่อนข้างชัดเจน ขอบตาและจมูกต้องเป็นสีดำ ยกเว้น ปอมเมอเรเนียน สีน้ำตาล และสีน้ำเงิน (เทา) ฟันสบกันแบบกรรไกร ถ้ามีฟันซี่ใดซี่หนึ่งไม่ตรงก็ยอมรับได้

      ลำตัว ลำคอ

          ลำคอสั้น โดยศีรษะแทบจะติดกับไหล่ ส่วนหลังนั้น ลำตัวกระชับและกะทัดรัด มีซี่โครงและช่วงอกที่ทำงานได้ดี โดยยื่นไปถึงข้อศอก หางดีเป็นพวง เป็นลักษณะเฉพาะพันธุ์ โดยจะขนานไปกับลำตัวส่วนหลัง

        ลำตัวส่วนหน้า
          ลำตัวส่วนหลังจะเป็นตัวชูให้ลำคอ และศีรษะอยู่สูง แสดงถึงความผ่าเผย ไหล่และขามีกล้ามเนื้อปานกลาง ความยาวของใบไหล่ และต้นแขนจะเท่ากัน ขาหน้าจะตรงและขนานกับความสูงจากศอกถึงตะโหนก เท่ากับความสูงจากศอกถึงพื้น ข้อเท้าตรงและแข็งแรง เท้าได้รูปหุบสนิท ไม่บิดเข้าหรือบิดออก ขณะยืนจะรับน้ำหนักตัวได้ดี อาจต้องมีการตัดนิ้วติ่ง

       ลำตัวส่วนท้าย

          มุมของลำตัวส่วนท้ายจะสมดุลกับลำตัวส่วนหน้า สะโพกสวย ต้นขามีกล้ามเนื้อปานกลาง ข้อเท้าบิดเล็กน้อย ข้อเท้าได้ฉากกับพื้น และขาจะตรงและขนานกับอีกข้าง ขอบเท้าชัดเจน เท้าหุบสนิท ไม่บิดเข้าหรือบิดออก สุนัขยืนอยู่บนนิ้วเท้าได้อย่างดี อาจต้องมีการตัดนิ้วติ่ง 

       การก้าวย่าง และเคลื่อนไหว

          ปอมเมอเรเนียน มีการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล เป็นอิสระ สมดุลและกระฉับกระเฉง มีแรงส่งตัวไปด้านหน้าได้ดี เพราะมีแรงขับจากลำตัวส่วนท้าย ขาหลังจะเดินตามรอยขาหน้าในข้างเดียวกัน เป็นการเดินและเคลื่อนไหวที่สมดุล ขณะเคลื่อนไหวจะไม่มีการเหวี่ยงเท้าเข้าหรือออกจากลำตัว ลำตัวด้านบนยังคงได้ระดับ ซึ่งดูแล้วลักษณะทั้งหมดจะสมดุล

      ขนและสีขน
          ปอมเมอเรเนียน เป็น สุนัข ที่มีขนสองชั้น ขนชั้นในนิ่มและแน่น ขนชั้นนอกจะยาวตรงหยาบกว่า แต่จะส่องแสงแวววาว ขนชั้นในจะหนาเพื่อปกป้องลำตัวของ สุนัข โดยขนจะแน่นตั้งแต่ลำคอ ไหล่ และอก ขนชั้นนอกบริเวณไหล่ อก ค่อนข้างมาก ขนบริเวณศีรษะและขาจะน้อยและสั้นกว่าส่วนอื่น (โดยเฉพาะลำตัวและไหล่จะยาวที่สุด) ลำตัวส่วนหน้าจะมีขนปกคลุมไปจนถึงข้อเท้าหางจะมีขนชั้นนอกที่ยาว แข็ง ปกคลุม อาจต้องมีการตัดเล็มขนบ้างซึ่งยอมรับได้

          ส่วนมีสีขนของ ปอมเมอเรเนียน จะมีหลายสี หลายแบบ เช่น ดำและน้ำตาล สีผสมหรือสีทองออกส้ม สีขาว ที่มีสีอื่นร่วมบริเวณศีรษะ หรืออีกประเภทที่เรียกว่า open elasses คือจะมีสีแดง สีส้ม สีครีม สีดำ สีน้ำตาล สีเทา เป็นต้น


อาหารและการเลี้ยงดู ปอมเมอเรเนียน

          การดูแลขนของ ปอมเมอเรเนียน ต้องได้รับการแปรงขนทุกวันหรืออาทิตย์ละสองครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อที่จะให้ขนที่หนาและสวยไม่พันกัน ขนของ ปอมเมอเรเนียน ต้องการการเล็มบ้างแค่ครั้งคราว ส่วนการดูแลหูและเล็บเป็นประจำเป็นสิ่งที่แนะนำรวมกับการอาบน้ำ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรอาบน้ำให้ ปอมเมอเรเนียน บ่อยมากจนเกินไป เพราะการอาบน้ำบ่อยจะทำให้หนังและขนเแห้งจนเกินไป เนื่องจากน้ำมันที่จำเป็นถูกล้างออกไปหมด 

          นอกจากการดูแลขนแล้ว สิ่งที่สำคัญที่มากที่สุดสำหรับ สุนัข ปอมเมอเรเนียน คือการได้รับการดูแลสุขภาพปากและฟันเป็นอย่างดี เนื่องจาก ปอมเมอเรเนียน ง่ายต่อการสูญเสียฟันอันเนื่องมาจากปัญหาฟันผุ หรือสุขภาพเหงือกไม่ดี จึงต้องมั่นทำความสะอาดฟันให้เป็นประจำ และควรให้อาหารชนิดแห้งเพื่อลดปัญหาสุขภาพปากและฟัน


โรคและวิธีป้องกัน

          สุนัข แต่ละพันธุ์มีโรคประจำที่แตกต่างกันออกไป เช่น สุนัข พันธุ์โกลเด้น ก็มีปัญหาโรคข้อสะโพกเสื่อม สุนัข พันธุ์คอกเกอร์ สเปเนียล ก็พบปัญหาเรื่องโรคหูอักเสบ สุนัข พันธุ์พุดเดิ้ลก็มีปัญหาโรคหัวใจโต สุนัข พันธุ์ดัลเมเชี่ยนก็เจอโรคหูหนวก สุนัข พันธุ์ดัชชุน ก็มีปัญหาโรคหมอนรองกระดูก ฯลฯ ปอมเมอเรเนียน ก็มีปัญหาเหมือนกัน โดยมี 4 โรคที่ ปอมเมอเรเนียน พึงสังวรไว้ คือ

         1. โรคลูกสะบ้าเคลื่อน โรคนี้พบได้บ่อยสุด คือ มีอาการเจ็บเข่าจนต้องยกขาไม่ลง ถ้าไม่เป็นมาก ก็รักษาด้วยการกินยา แต่ถ้าเป็นมากต้องพึ่งหมอผ่าตัด  อย่างไรก็ดี โรคนี้ป้องกันได้โดยอย่าปล่อยให้ ปอมเมอเรเนียน ของเราอ้วนเกินไป และคอยดูแลไม่ให้เขาหล่นหรือโดดลงจากที่สูง ส่วนสถานที่ที่เลี้ยงนั้นไม่ควรเป็นพื้นลื่นจำพวกกระเบื้อง พื้นหินขัด,หินอ่อน หรือแกรนิต ที่สำคัญไม่ควรปล่อยให้ ปอมเมอเรเนียน ที่มีปัญหาลูกสะบ้าขยายพันธุ์ 

          2. โรคหลอดลมตับ เป็นอีกโรคมักพบบ่อยๆ ใน ปอมเมอเรเนียน อาการที่พบ คือ ไอแห้งๆ เสียงดังมาก ซึ่งพบบ่อยเวลาที่ตื่นเต้นหรืออากาศเย็น ดังนั้น จึงอย่าปล่อยให้มันอ้วนเกินไป และพยายามอย่าให้เขาอยู่ในที่ที่อากาศร้อนและชื้นเกินไป และที่สำคัญเวลาจูงเดินเล่นควรใช้สายจูงชนิดสายรัดอก แทนสายจูงกับปลอกคอหรือโซ่คอ

          3. ขนร่วง ปัญหาโรคขนร่วงที่พยบ่อยใน ปอมเมอเรเนียน ก็คือโรค Black Skin หรือ BSD ซึ่งทำให้ผิวหนังไม่มีขนและมีจี้ดำ เกิดจากหลายสาเหตุรวมกัน เช่น โรคไทรอยด์ต่ำ,ZEMA,ไรขี้เรื้อนและเชื้อรา ซึ่งวิธีแก้ไข คือ ควรรีบพา สุนัข ที่มีปัญหาโรคผิวแห้งไปพบสัตว์แพทย์โดยเร็ว

         4. โรคหนังตาม้วนเข้า โรคนี้สามารถพบใน สุนัข ปอมเมอเรเนียน แต่ไม่พบบ่อยเหมือน สุนัข พันธุ์เชาว์-เชาว์ หรือชาร์ไป ซึ่งวิธีแก้ไขคือต้องทำการผ่าตัดโดยสัตวแพทย์